• auto_v301.jpg
  • auto_v302.jpg
  • auto_v303.jpg
  • auto_v304.jpg
  • auto_v305.jpg
  • auto_v306.jpg
  • auto_v307.jpg
  • auto_v308.jpg
  • auto_v309.jpg
  • auto_v310.jpg

ทหารฟันน้ำนม

การทำสงครามแบบสายฟ้าแลบ
ของประเทศเยอรมันและประเทศออสเตรียยังไม่ได้ผลตามคาด
ทหารยังต้องขุดสนามเพลาะและประจำการอยู่ในสนามเพลาะต่อไป
ในสภาพดินฟ้าอากาศที่เลวร้าย ทั้งหนาว ร้อน ฝน หิมะ แดดจ้า
ทำให้สุขภาพทรุดโทรมกันทุกคน
การถอนทหารจากแนวรบบริเวณแม่น้ำเปียเว (Piave)
ทำให้จำนวนทหารในกองทัพอิตาลีเหลือน้อยลง
ผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่
ได้ขอกำลังเสริมแทนทหารที่เสียชีวิตที่เมืองกาโปร์เรตโต (Caperretto)
จึงต้องมีการเกณฑ์ทหารจากคนที่เกิดปี1900 ที่อายุยังน้อยอยู่
หนังสือพิมพ์บางฉบับเรียกทหารรุ่นนี้ว่าทหารฟันน้ำนม
แม้แต่พวกเณรเล็ก  สามเณร  และนักบวชก็ไม่ได้รับการยกเว้น  
พ่อต้องไปเป็นทหารด้วย

พ่อมองว่าชีวิตทหารอยู่ในแผนการอย่างหนึ่ง
ของพระญาณเอื้ออาทรสำหรับชีวิต
ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความลึกซึ้ง
ที่จะช่วยหล่อหลอมทหารให้เป็นชายเต็มตัว และมีน้ำใจเข้มแข็ง
ทำให้พวกเขารู้จักยอมรับในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถหลีกเหลี่ยง
หรือขจัดตามใจชอบได้ ชีวิตทหารต้องมีวินัยเป็นที่ตั้งในทุกแง่
ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่คำนึงว่าชอบหรือไม่ชอบ
ต้องพร้อมเสียสละตนเอง สละแม้กระทั่งชีวิต
ทหารหลายคนเสียชีวิตในแนวหน้า
อีกหลายคนกลับจากแนวหน้าพิการและทุพลภาพ
แทบจะไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่อย่างใด
ชีวิตทหารอยู่ในวินัยตลอดเวลา
แม้ในช่วงพักและมีอนุญาตให้ออกไปพักนอกค่าย 2 ชั่วโมง
ก็ยังมีสารวัตรทหารติดตามไปดูแลความเรียบร้อยด้วยเสมอ 

ชีวิตทหารเป็นชีวิตที่ไม่สมัครใจ
แต่ก็เป็นชีวิตที่หนักกว่าชีวิตนักบวชที่สมัครใจเสียอีก
เพราะหากนักบวชประสงค์จะออกจากการเป็นนักบวช
และมีเหตุผลเพียงพอก็สามารถออกได้
โดยทำเรื่องขอการยกเว้นศีลบน
โดยไม่มีตำตรวจเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย
ต่างกับทหารที่ต้องอ่อนน้อมและนบนอบผู้บังคับบัญชาตลอด
จะเลิกเป็นทหารตามใจชอบไม่ได้
กระนั้นก็ดีถ้าทหารยอมรับทุกสิ่งเหล่านี้
และถือเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
ก็จะได้รับประโยชน์สำหรับวิญญาณไม่มากก็น้อย     

ชีวิตในกองทัพ
พระคัมภีร์กล่าวว่าในโลกนี้มีเวลาสำหรับทุกอย่าง
มีเวลาหัวเราะ มีเวลาร้องไห้
มีเวลาสวมกอด มีเวลาผละจากวงกอด
มีเวลาสันติภาพ เวลาสงคราม
พระเจ้าทรงตัดสินทั้งคนดีและคนชั่ว  เพราะทุกคนมีเกิดและมีตาย...
ในทำนองเดียวกัน พ่อถูกเกณฑ์เป็นทหารอย่างไม่นึกไม่ฝัน
พ่อถูกเรียกตัวไปมิลาน (Milano) และต่อไปเกรโมนา (Cremona)
ที่นั่นมีทหารเกณฑ์จากเมืองต่างๆทั่วประเทศอิตาลีมารวมพล
ท่าทางหิว หน้าตาอิดโรย เศร้าหมองและเซื่องซึม
ไม่มีใครพูดจา ปิดปากเงียบราวกับเป็นใบ้
แล้วก็มีเสียงนายทหารสั่งให้ทุกคนจัดแถว
เพื่อฉีดยาป้องกันโรคไทฟอยด์

ญาติของพ่อคนหนึ่งที่ถูกเกณฑ์ทหารจากแชร์นุสโก (Cernusco) มาพร้อมกันกับพ่อ
เมื่อถึงเวรที่จะต้องฉีดยาป้องกันไทฟอยด์
เขาพูดกับพ่อว่า “การ์โล ถ้าผมฉีดยาผมคงต้องตาย”
แล้วใบหน้าก็เริ่มซีดลง
ในขณะที่ถูกฉีดยาตาของเขาก็เปิดกว้าง
และเป็นลมล้มลงบนพื้นเหมือนกับตายแล้ว
ทหารสองสามคนที่สังกัดหน่วยกาชาด
ได้มารับตัวเขาไปที่โรงพยาบาลทหาร
ตั้งแต่วันนั้นมาพ่อไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย      

เครื่องแบบทหาร

หลังจากสองวันแห่งความโศกเศร้า
และไม่มีความอยากจะกินอาหารในกองทัพ
เพราะทุกคนต่างก็คิดถึงครอบครัวที่คงจะไม่มีโอกาสพบเห็นอีกแล้ว
ก็มาถึงเวลาที่จะต้องสวมเครื่องแบบทหาร
ทหารใหม่ที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหยิบเครื่องแบบทหารมาไว้ในมือ
พร้อมกับถอนหายใจไป ตาก็เบิกกว้าง
และก้มมองดูเครื่องแบบทหารไม่ตัดสินที่จะสวมใส่มัน
หลายคนก่อนที่จะสวมเครื่องแบบทหาร
ก็อยากจะจูบมันแต่ไม่ใช่ด้วยปาก
แต่ด้วยหยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นมาจากตาทั้งสองข้าง
ที่สุดทุกคนก็เริ่มสวมเครื่องแบบทหารในเวลาอันรวดเร็ว
พร้อมกับเสียงถอนหายใจและน้ำตา
นายทหารที่ดูแลอยู่สังเกตพวกเราอย่างเงียบราวกับจะพูดว่า
พวกเราเองในวันแรกที่สวมเครื่องแบบทหาร
เรามีความรู้สึกเดียวกันกับที่พวกเธอรู้สึก     

เหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม

ในช่วงที่พ่อกำลังสวมเครื่องแบบทหาร
มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งรูปร่างเท่ากับพ่อ
ใบหน้าร่าเริง และยิ้มแย้ม เข้ามาหาพ่อ
และขอเปลี่ยนหมวกทหารกับพ่อ
พ่อก็ถามว่าเขามาจากไหน
เขาบอกพ่อว่า
“ผมมาจากสามเณราลัย  สถานที่ศึกษาเพื่อเป็นพระสงฆ์”
พ่อก็ถามต่อว่า 
 “เขามาจากเมืองไหนของประเทศอิตาลี”
เขาจ้องมองพ่อแล้วก็ยิ้มหยิบหมวกทหารจากศีรษะ
และมาสวมใส่ที่ศีรษะพ่อ  แล้วก็หัวเราะพร้อมกับพูดว่า
“ตอนนี้คุณก็เป็นสามเณรด้วย”
ในขณะที่เขาพูด
พ่อรู้สึกในตัวพ่อมีแรงเขย่า
และเมื่อหันไปมองเพื่อจะถามเขาก็ไม่เห็นเขาอีกแล้ว
หลังจากนั้นพ่อไม่เคยเห็นเขาอีกเลย
ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในค่ายทหารเดียวกัน
และสวมเครื่องแบบทหารหน่วยเดียวกัน
หลังจากการพบปะครั้งนั้น
พ่อไม่เคยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเลย      

เริ่มชีวิตทหาร
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป
พ่อเริ่มพูดน้อยลง
และรู้สึกเบื่อกับสิ่งที่เพื่อนทหารมาเล่าให้ฟัง
เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เขาออกไปพักนอกค่ายทหาร
ค่ายทหารซึ่งสำหรับเพื่อนทหารเป็นเหมือนกับคุกที่น่าอึดอัด
กลับเป็นเหมือนบ้านพักผ่อนและเพลิดเพลินสำหรับพ่อ
เพื่อนทหารต่างก็แปลกใจ
เมื่อเห็นพ่อไม่เคยออกไปพักผ่อนนอกค่ายทหาร
บางคนก็สงสัยว่า พ่ออาจจะไม่มีเงินสำหรับออกไปข้างนอก
ก็บอกพ่อว่าจะให้เงินพ่อ  แต่พ่อก็ปฏิเสธและบอกพวกเขาว่าพ่อ
พ่อไม่อยากออกไปนอกค่ายเพราะรู้สึกเหนื่อย
เพื่อนต่างเล่าให้พ่อฟังว่าช่วงสองชั่วโมงที่ได้ออกจากค่ายทหารนั้น
แต่ละวันนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานที่ผิด
ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย และทำให้ชีวิตทหารน่าสะอิดสะเอียน

ในแต่ละวันจะต้องมีทหารคนหนึ่ง
เฝ้ายามในค่ายในช่วงที่คนอื่นออกจากค่ายไปพักผ่อน
ทหารทุกคนในค่ายจะต้องเข้าเวรในช่วงสองชั่วโมงนี้
การเข้าเวรในช่วงสองชั่วโมง
ที่มีการอนุญาตให้ออกจากค่ายเป็นสิ่งเหลือทนสำหรับบางคน
แต่ก็เป็นคำสั่งที่ไม่มีใครได้รับการยกเว้น
กระนั้นก็ดี  ก็มีการอนุญาตให้มีการเข้าเวรแทนกันได้
กล่าวคือ  ถ้าทหารคนใดต้องเข้าเวร
และสามารถที่จะขอให้ทหารอีกคนหนึ่งในค่ายเข้าเวรแทนเขา
โดยไม่รู้ตัวพ่อกลายเป็นทหารที่ทุกคนขอให้เข้าเวรแทน      

ศาสนาในชีวิตทหาร

เนื่องจากพ่อออกจากค่ายนานๆที
และทุกครั้งที่ออกไปก็เพื่อจะซื้อผลไม้แห้ง
ถ้าพบเห็นวัดก็จะเข้าไปเฝ้าศีลมหาสนิทและสวดสักครู่หนึ่ง
เนื่องจากชีวิตทหารสมัยนั้น
ยังไม่มีวัดทหาร  ไม่มีมิสซา  ศีลศักดิ์สิทธิ์
หรือเวลาเพื่อสวดภาวนา
ทหารที่เลื่อมใสในศาสนาต้องคิดหาหนทางปฏิบัติเอาเอง
เพราะเหตุนี้เองทหารหลายคนก็ดำเนินชีวิตเลอะเทอะ
และหมกหมุ่นกับบาป
ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าแต่ละคนต้องจัดการกับศาสนกิจด้วยตนเอง

เนื่องจากว่าไม่มีสิ่งใดในชีวิตทหารที่เอื้อความศรัทธา
การภาวนา  และชีวิตคริสตชนเลย
สาเหตุแรกของความเย็นเฉยและชีวิตที่ไม่ดีงาม
คือเงินที่อยู่ในกระเป๋าของแต่ละคน
แต่ละเดือนมีธนาณัติมาจากครอบครัวต่างคนต่างไปเบิกเงิน
โดยใช้มันเพื่อความสนุกสนาน
ในเรื่องนี้พ่อถือว่าตนเองโชคดีเพราะก่อนที่จะเป็นทหารพ่อ
ได้ยินทหารที่เป็นชาวเมืองแชร์นุสโก (Cernusco) กลับมาพัก
และบอกว่า
“สาเหตุของความผิดต่างๆในชีวิตทหารก็คือ
เงินที่อยู่ในกระเป๋าเครื่องแบบทหาร”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ก่อนที่พ่อจะออกเดินทางไปเป็นทหาร
พ่อได้บอกให้บิดามารดาของพ่อให้ส่งเงินให้พ่อแค่ 20 ลีร์
และเมื่อพ่อออกจากค่ายพร้อมกับคนอื่นๆ
พ่อก็ใช้เงินซื้อแสตมป์ 25 เซ็นต์สำหรับเขียนจดหมายถึงครอบครัว
เงินที่เหลือพ่อก็ใช้ซื้อผลไม้แห้งไว้กินตลอดเดือน
ดังนั้นเมื่อไม่มีเงินเหลือพ่อก็สามารถชนะการประจญล่อลวง
ให้ออกจากค่ายทหารในเวลาว่าง

มิตรภาพในชีวิตทหาร
แม้ในชีวิตทหารก็สามารถมีมิตรภาพที่ดีได้
แต่มิตรภาพที่ดีนี้จะต้องเกิดจากกิจการดี
และเกิดจากเจตนารมณ์ที่ดีและจริงใจ
เพราะสิ่งนี้เป็นที่พอใจของทุกคน
แม้แต่คนที่ชอบดำเนินชีวิตอย่างสนุกสนานด้วย
บางคนเห็นว่าพ่อไม่ค่อยออกจากค่ายในเวลาว่างสองชั่วโมง
ก็ขอร้องพ่อให้ช่วยเข้าเวรแทนพวกเขา
พร้อมกับเสนอสิ่งตอบแทนให้ด้วย
พ่อมักจะตอบว่า  สิ่งที่ทำให้ด้วยใจไม่มีราคาค่างวด
พวกเขาต่างรู้สึกพอใจมาก
และพ่อเองก็ไม่เคยรู้สึกลำบากใจที่จะต้องอยู่ในค่ายตลอดเวลา
กระนั้นก็ดีผลไม้แห้งของพ่อก็ไม่เคยลดลง
เพราะพวกเขาจัดซื้อหาให้พ่อ

อย่างไรก็ดีความยินดีในโลก
ไม่สามารถที่จะเป็นความยินดีได้ตลอดไป
แต่มักจะนำโรคภัยและความเสียใจมาให้
บ่อยครั้งที่เพื่อนทหารมาหาพ่อ
และเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้พ่อฟัง
พ่อก็ฟังพวกเขาอย่างเงียบๆ  แล้วก็จ้องหน้าพวกเขา
พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยบอกพวกเขาว่า
“ให้เรารักษาวัยหนุ่มของเราไว้ให้เต็มเปี่ยม
เพราะวัยหนุ่มของเราเป็นเหมือนดอกไม้ที่งดงามที่สุดในชีวิตเรา
แม้ว่าเราจะเป็นทหารอยู่”
เมื่อเห็นพวกเขาก้มศีรษะหลังจากพูดว่า “ใช่”
พ่อก็พูดต่อว่า  “ถ้าเราจะเป็นหนุ่มในพฤติกรรม
แม้ว่าร่างกายของเราจะแก่  วิญญาณของเราก็ยังคงรักษา
ความงดงามแห่งวัยหนุ่มไว้และจะไม่มีวันแก่เลย”

พ่อพูดให้สติพวกเขา
เหมือนอย่างที่คุณพ่อที่ศูนย์เยาวชน
เคยพูดกับเด็กๆที่มาศูนย์เยาวชนในวันอาทิตย์
ซึ่งพ่อยังจำได้ดี