ชีวิตที่ถูกหล่อหลอม
โดย คุณพ่อบรรจง สันติสุขนิรันดร์
ครอบครัวคือจุดเริ่มต้นแห่งชีวิตมนุษย์ ณ ที่ซึ่ง แต่ละชีวิตที่เกิดมาเป็นดังของขวัญ
ที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษยชาติ
นักเขียนคนหนึ่งถึงขนาดยืนยันว่า เด็กแต่ละคนที่เกิดมาบ่งบอกให้โลกรู้ว่าพระเจ้า
ยังไม่ทรงเบื่อมนุษย์
เมื่อแต่ละชีวิตที่เกิดมาเป็นของขวัญ พระเจ้าทรงมอบหมายให้พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่
ฟักฟูมเลี้ยงดูให้ชีวิตน้อยๆเติบโตด้วยความรักและในความรักความอบอุ่น
พ่อแม่แต่ละคนจึงเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการทำให้ชีวิตที่พระองค์โปรดให้เกิดมา
เติบโตพัฒนาทุกด้าน ทั้งกายและจิตใจ ด้วยหัวใจของพระเจ้าที่พระองค์ ใส่เข้าไปในธรรมชาติแห่งความเป็นพ่อเป็นแม่
ครอบครัวจึงเป็นดังเปลแห่งชีวิตที่แกว่งไกวเห่กล่อมให้ชีวิตน้อยๆโตวันโตคืน
ครอบครัวจึงเป็นโรงเรียนแรกแห่งชีวิตที่เพียรสอนการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและเปี่ยมด้วยคุณค่า
ครอบครัวจึงเป็นสังคมแรกแห่งชีวิตที่สอนชีวิตสังคม ความสัมพันธ์ สิทธิและหน้าที่
ครอบครัวจึงเป็นวัดแรกที่สอนให้มีความสำนึกในพระเจ้า ซึมซับความเชื่อ ความศรัทธา เรียนรู้คารวะกิจ สัมผัสข่าวดีของพระเจ้า
พ่อแม่จึงเป็นครูสอนชีวิต เป็นสงฆ์สอนความเชื่อ
เป็นต้นแบบชีวิตสังคม...ให้แก่ลูกในบรรยากาศครอบครัวที่อบอวลด้วยความเป็นกันเอง
ความอบอุ่น ความสนิทใกล้ชิดชิด ความเข้าใจ ความเป็นเพื่อน
เพื่อทำเช่นนี้ได้ พ่อแม่ต้องมีสำนึกในศักดิ์ศรีแห่งการเป็นพ่อเป็นแม่
พ่อแม่ต้องตระหนักในบทบาทที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้
พ่อแม่ต้องหมั่นเตือนตนเสมอว่าลูกแต่ละคนไม่ใช่ของพ่อแม่
แต่เป็นของพระเจ้าที่พระองค์ทรงโปรดให้มาเกิดผ่านทางพ่อแม่
และฝากฝังให้พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่ส่งเสริมเติมเต็มให้ทุกด้าน
ก่อนที่ลูกมีชีวิตของเขาเอง มีเส้นทางชีวิตและรูปแบบชีวิต
ที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้แต่ละคน
คุณพ่อการ์โล เป็นของขวัญจากพระเจ้าสำหรับครอบครัวเดลลาโตร์เร
เฉกเช่นเด็กที่เกิดมาทุกคนและกว่าจะมาเป็นคุณพ่อการ์โล
สงฆ์และธรรมทูตของพระเจ้า คุณพ่อได้รับและเรียนรู้ทุกอย่างที่
ครอบครัวคาทอลิกที่ดีและศรัทธา
ในพระเจ้าสามารถให้ได้การ์โลเติบโตขึ้นมาในบรรยากาศครอบครัว
และสังคมที่หายใจเข้าออกเป็นความเชื่อ ความเลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้า
ครอบครัวและวัดมีความต่อเนื่องในความเชื่อและความศรัทธา ครอบครัวอีกสนับสนุนชีวิตวัด วัดเสริมเติมเต็มชีวิตครอบครัว ดังที่คุณพ่อการ์โลเขียนไว้ในอัตชีวประวัติ
“ในสมัยนั้น ชาวเมืองแชร์นุสโก
มีความเลื่อมใสศรัทธามาก ทั้งคนรวยและคนจนต่างก็ไปวัด วันอาทิตย์เป็นฉลองวัดสำหรับเมืองแชร์นุสโก แม้วัดจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถบรรจุสัตบุรุษที่ร่วมพิธีมิสซาเวลา 9.00 น. ได้หมด ประตูสามบานที่ด้านหน้าวัดจะเปิดอยู่เสมอในวันอาทิตย์ บริเวณครึ่งหนึ่งของสนามหน้าวัดมีเยาวชนและบุรุษยืนร่วมมิสซา เด็กเล็กและเด็กโตจะร่วมมิสซาบนชั้นสองของวัด คุณพ่อเจ้าอาวาส พร้อมกับพระองค์ 4 องค์ให้การอภิบาลสัตบุรุษ วันธรรมดามีพระสงฆ์สององค์ประจำอยู่ในที่ฟังแก้บาปตั้งแต่เวลา 5.30 น. เพื่อฟังแก้บาปสัตบุรุษซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็กหญิง ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์กำหนดให้เป็นเวลาแก้บาปสำหรับบุรุษและเด็กชาย
ส่วนเด็กเล็กๆก็จะมีอีกวันหนึ่งโดยเฉพาะสำหรับแก้บาป...”
(พ่อ : อัตชีวิประวัติคุณพ่อการ์โลเดลลาโตร์เร, หน้า 23)
ชีวิตด้านศาสนาไม่แปลกแยกจากชีวิตประจำวัน
หากแต่ให้แรงบันดาลใจและพลังขับเคลื่อนจากภายในไปสู่ภายนอก
ทำให้ชีวิตในแต่ละวันมีความหมาย มีเป้าหมาย มีศักยภาพ มีพลัง
ชีวิตด้านศาสนาสร้างความสำนึกแต่ละคนว่าพระเจ้าทรงมีบทบาทในชีวิตแต่ละวัน
ในทุกเรื่อง กระทั่งกลายเป็นการดำเนินชีวิตในพระเจ้า พร้อมกับพระเจ้า และในพระเจ้า
การ์โลเติบโตขึ้นมาในบรรยากาศและในบริบทนี้ แต่ละศาสนกิจช่วยหล่อหลอมความคิดความอ่าน มุมมอง ทัศนคติ ซึ่งให้แนวทางการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์กับผู้อื่นดังจะเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในช่วงเวลาที่การ์โลเป็นทหาร ตามที่เขียนไว้ในอัตชีวประวัติ
“ชีวิตทหารประกอบด้วยวันและเดือนที่มีทั้งสุขและทุกข์ บางคนพูดว่าฤทธิ์กุศลเป็นสิ่งจำเป็น เราต้องพยายามดำเนินชีวิตที่ดีแม้จะเป็นทหาร อีกบางคนก็พูดว่า ให้เราสนุกสนานกับชีวิตตราบใดที่ยังหนุ่มแน่นอยู่...พ่อเขียนใบสมัครขอไปสังกัดหน่วยทหารจู่โจมอย่างลับๆ โดยไม่มีใครรู้ แรงจูงใจที่ทำให้พ่อตัดสินใจทำเช่นนั้นคือการที่เห็นว่าชีวิตทหารที่พ่อสังกัดอยู่ มีทหารที่ดำเนินชีวิตไม่ดีเยอะแยะ และพ่อคิดว่าพวกเขาจะแพร่ความไม่ดีนั้นไปถึงผู้อื่น ซึ่งจะทำให้สภาพเลวร้ายยิ่งขึ้น พ่อจึงบอกตนเองว่า ดำเนินชีวิตชั่วเวลาสั้นๆและดีงาม ดีกว่าจะดำเนินชีวิตยาวนานและเปื่อยเน่าทั้งวิญญาณและร่างกาย”
(พ่อ : อัตชีวประวัติคุณพ่อการ์โลเดลลาโตร์เร, หน้า 51-52)
ความลงตัวในชีวิตที่มีครอบครัวและวัด หล่อหลอมนี้เห็นได้เด่นชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ในชีวิตของคุณพ่อการ์โล เดลล าโตร์เร ในทุกขั้นตอน •